ทรัมป์ เองก็ยอมรับว่าผู้บริโภคชาวสหรัฐฯ จะรู้สึกเจ็บปวด
เสียง-สื่อ-เส้น: หลากมุมมองต่อ "ซูเปอร์แมน" ฉบับพากย์ไทยและกระแสตีกลับ
แล้วทีนี้ ในเมื่อกลุ่มผลประโยชน์มีอำนาจมหาศาล ทำไมเราถึงได้เห็นภาษีศุลกากรในอัตราต่ำ ยุคก่อนที่ทรัมป์จะมาจุดไฟเผาโลกล่ะ? เครดิตเรื่องนี้ต้องยกให้ประธานาธิบดี เอฟดีอาร์ (แฟรงคลิน ดี.
ศ.ฮอฟแมน กล่าวว่า การพูดคุยส่วนใหญ่จะ "แตะเรื่องพื้นฐาน" และเสริมว่าการเจรจาครั้งนี้อาจดูเหมือนเป็นการ "แลกเปลี่ยนสถานะ" และหากทุกอย่างเป็นไปด้วยดี "จะมีการกำหนดวาระการประชุมสำหรับการเจรจาในอนาคต"
แต่ในความเป็นจริง เดนมาร์กไม่ได้ตั้งภาษีศุลกากรของตัวเอง เพราะเดนมาร์กเป็นประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป ซึ่งเหมือนกับสหรัฐอเมริกาตรงที่มีการค้าเสรีภายในเขตแดนตัวเอง และตั้งภาษีศุลกากรต่อสินค้าจากภูมิภาคที่เหลือในโลก และสหภาพยุโรปก็ไม่ใช่เศรษฐกิจขนาดเล็ก มันเป็นเศรษฐกิจที่ใหญ่มาก ใหญ่ราวสองในสามของเศรษฐกิจสหรัฐ
โอเค มาถึงตอนนี้ ผมก็ได้อธิบายวิธีคิดมาตรฐานเกี่ยวกับสงครามการค้า วิธีคิดซึ่งลงหลักปักฐานแล้ว แต่โชคร้ายที่ทั้งหมดนั้นก็ยังอธิบายชั่วขณะปัจจุบันของเราไม่ได้ สงครามการค้า เพราะอะไรน่ะเหรอ? ก็เพราะวิธีคิดทั้งหมดนี้ตั้งอยู่บนสมมุติฐานว่า ภาษีศุลกากรถูกกำหนดในเกมที่ผู้เล่นทุกรายมีเหตุมีผล พวกเขาเข้าใจดีว่าการค้าทำงานอย่างไร ต่างคนต่างลงมือทำในสิ่งที่เป็นผลประโยชน์ของตัวเอง ต่อให้ผลลัพธ์รวมหมู่ของการกระทำเหล่านั้นจะออกมาเลวร้ายต่อสังคมก็ตาม
การตั้งกำแพงภาษีระหว่างประเทศอาจดูเป็นวิธีการปกป้องอุตสาหกรรมภายในประเทศในระยะสั้น แต่ในระยะยาว มันสามารถส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกโดยรวม ทำให้การค้าระหว่างประเทศลดลง ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้น และอาจนำไปสู่การตอบโต้ทางการค้าที่ทำให้สถานการณ์ยิ่งแย่ลง
สงครามการค้าเกิดขึ้นเมื่อประเทศต่าง ๆ ใช้มาตรการกีดกันทางการค้า เช่น การขึ้นภาษีนำเข้า หรือการจำกัดการนำเข้าสินค้าจากประเทศคู่ค้า เพื่อปกป้องอุตสาหกรรมภายในประเทศของตัวเอง ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ในโลกของเรา
อ่านเกี่ยวกับแนวทางของเราในการติดต่อกับลิงก์ภายนอก
ค.) และย้ำว่า "สิ่งสำคัญคือสิ่งที่เกิดขึ้นในห้องนั้นเท่านั้น"
ในช่วงหลายสัปดาห์แห่งการปะทะคารมดุเดือด และบางครั้งถึงขั้นรุนแรง แต่ละฝ่ายพยายามวาดภาพอีกฝ่ายให้เป็นพวกที่สิ้นหวังมากกว่า
สงครามการค้าโลกรอบใหม่เริ่มขึ้น หลังทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน, แคนาดา, และเม็กซิโก
แต่ช่วงเวลาที่ดีต่อเนื่อง ไม่เคยเกิดขึ้นจริง..
ซึ่งถ้าเราไปดูมูลค่าการส่งออกจากสหรัฐฯ ไปยังยุโรป